วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวคราวฟุตบอลชุดขาวเด่นขึ้นรับเงินรายได้สูงสุดในโลก,เฮนโด้ vs คอสต้า

หวิดมีมวย เฮนโด้ vs คอสต้า เกือบไฝว้กันหลังเกม



border=0



ล่าสุดแข้งโปรแกรมบอล พวกหงส์แดง - กรุ๊ปสิงห์บลู  ได้มีเรื่องกันหลังจบเกมแคปิตอล วัน คัพ ครั้นวันอังคารที่ทะลุ โดยได้มีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน จนเกือบวางมวย ซึ่งเชื่อว่าเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ดีเอโก้ คอสต้า ที่เถียงกันมาตั้งแต่ในเกม

หลังจากที่ เดอะ การ์เดี้ยน ที่เป็นสื่อดังแดนผู้ดีได้วิเคราะห์ผลบอลแฉ เกมจบอารมณ์ไม่จบ ทันทีที่นักเตะ เหล่าหงส์แดง ลิเวอร์พูล พร้อมด้วย ทีมสิงห์บลูส์ เชลซี    ซึ่งเป็น 2 กรุ๊ปยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ตกเป็นข่าวว่ามีเรื่องทะเลาะกันหลังจบเกม ศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ณ สนามแอนฟิลด์ ที่เสมอกันไปผลบอล 1 - 1 เมื่อคืนวันอังคารที่เปลี่ยนมา

ทั้งนี้ ได้คาดกันว่านักเตะคู่กรณีน่าจักเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเป็นรองกัปตันกลุ่มเจ้าบ้าน กับ ดีเอโก้ คอสต้า หัวหอกเระบือดร้อนของคณะเยือน เพราะทั้งคู่มีปากเสียงกันตั้งแต่จังหวะในเกมแล้ว ซึ่งตราบทั้งคู่เดินเข้าอุโมงค์สู่ห้องแต่งตัว ก็ยังไม่ลดราวาศอก จนถึงขั้นผลักอกเตรียมวางมวยกัน แต่ยังดีที่ถูกแยกออกจากกันก่อนจะมีการ ปลดปล่อยหมัด โดยบรรดาสตาฟฟ์โค้ชพร้อมกับเพื่อนร่วมกรุ๊ปของทั้งคู่

เพราะตารางบอลที่ชนวนขัดแย้งเกริ่นมาจากที่ เชส ฟาเบรกาส กองกลางตัวเก่งของ เชลซี พยายามขวางการเล่นฟรีคิกเร็วของ เฮนเดอร์สัน ก่อนที่ คอสต้า กับมิดฟิลด์หงส์แดง จักมีการโต้คารมพร้อมกับผลักอกกันเล็กน้อยนั่นเอง


ในรอบ 10 ปีติด! ชุดขาวผงาดขึ้นรับรายได้สูงสุดในโลกตามคาด





คณะราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ในลาลีกา ซิวตำแหน่งสโมสรฟุตบอลที่ทำรายได้สูงสุดประจำปี 2015

ซึ่งเมื่อทำรายได้เข้าสโมสรได้ถึง 549.5 ล้านยูโร ซึ่งสูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน ส่วนอันดับสอง ตามมาห่างๆ คือ ทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำเงินพุ่งจากปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็น 518 ล้านยูโร

เพราะทาง เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี่ ลีก เหรอ Deloitte Football Money League ได้แย้มการจัดอันดับสโมสรที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2015 ปรากฎว่า แชมป์ทำเงินมากสุดก็คือ ทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน คราวทำรายได้เป็นจำนวนเงินถึง 549.5 ล้านยูโร เหรอ 20,755 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน




ซึงลำดับต่อมาเป็น กรุ๊ปผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลุ่มดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับสองปีนี้ จากเดิมปีที่แล้ว 2014 อยู่ที่สี่เท่านั้น จากตัวเลขก่อนหน้า 423.8 ล้านยูโร ไม่ใช่หรือ 16,000 ล้านบาท ทะยานเป็น 518 ล้านยูโร ไม่ก็ 19,565 ล้านบาท

ในอันดับ 3 ตกเป็นของ เหล่าเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดพวกแห่งบุนเดสลีก้า เยอรมัน มีรายได้อยู่ที่ 487.5 ล้านยูโร ใช่ไหม 18,400 ล้านบาท

อันดับที่ 4 เหล่าบาร์เซโลน่า ร่วงจากที่สองปีที่แล้ว ลงมาอยู่ที่ 4 กวาดไป 484.6 ล้านยูโร เหรอ 18,300 ล้านบาท

ในอันดับ 5 นั้นยังคงที่ เป็น พวกปารีส แซงต์ แชร์กแมง มีรายได้ 474.2 ล้านยูโร ไม่ใช่หรือ 17,900 ล้านบาท

เพราะว่าอันดับที่ 6 - 20 ประกอบไปด้วยพวกดังมากมาย ดังนี้

  6. คณะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 346.5 ล้านปอนด์ ไม่ใช่หรือ 18,018 ล้านบาท
  7. กลุ่มเชลซี พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 324.4 ล้านปอนด์ ไม่ก็ 16,868.8 ล้านบาท
  8. ฝ่ายอาร์เซน่อล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 300.5 ล้านปอนด์ หรือ 15,626 ล้านบาท
  9. พวกลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 255.8 ล้านปอนด์ ไม่ก็ 13,301.6 ล้านบาท
10. คณะยูเวนตุส ลีกอิตาลี - 233.6 ล้านปอนด์ หรือ 12,147.2 ล้านบาท
11. กรุ๊ปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ลีกเยอรมัน - 218.7 เหรอ 11,372.4 ล้านบาท
12. เหล่าเอซี มิลาน ลีกอิตาลี - 208.8 เหรอ 10,857.6 ล้านบาท
13. เหล่าท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 180.5 ใช่ไหม 9,386 ล้านบาท
14. เหล่าชาลเก้ 04 ลีกเยอรมัน - 178.9 หรือไม่ก็ 9,302.8 ล้านบาท
15. พวกแอตเลติโก มาดริด ลีกสเปน - 142.1 หรือว่า 7,389.2 ล้านบาท
16. ทีมนาโปลี ลีกอิตาลี - 137.8 ไม่ก็ 7,165.6 ล้านบาท
17. กลุ่มอินเตอร์ มิลาน ลีกอิตาลี - 137.1 หรือไม่ 7,129.2 ล้านบาท
18. เหล่ากาลาตาซาราย ลีกตุรกี - 135.4 ไม่ก็ 7,040.8 ล้านบาท
19. กลุ่มนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 129.7 หรือ 6,744.4 ล้านบาท
20. กลุ่มเอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ - 120.5 ไม่ใช่หรือ 6,266 ล้านบาท





วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

ปัจจุบันพาหะฟุตบอลประดุจจัด 11 แข้งรุ่งโรจน์ ไม่ชินสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก

ล่าสุดสื่อดังจัด 11 แข้งดัง ไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก





ครั้นเดลี่ เมล์ Daily Mail ได้แท็บลอยด์หัวดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัด 11 นักเตะที่อยู่ในหัวอกเดียวกัน ด้วยระบบทีม 3-5-2 ที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีก อังกฤษแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งนำมาโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตัน หมู่ลิเวอร์พูล ที่เตรียมอำลาสังเวียน หลังจบฤดูกาล 2014 - 2015 และอีก 10 ราย อาทิเช่น เพื่อนเก่าอย่าง แบรด ฟรีเดล นายทวารชาวอเมริกัน พร้อมทั้ง เจมี คาร์ราเกอร์ รวมถึง แกเร็ธ เบล แข้งค่าตอบแทนแพงสุดในโลกด้วย

ด้วยกันส่วนที่เหลือเลื่องจะเป็นใครกันบ้าง เราลองไปชมกันเลย

รายชื่อ 11 นักเตะดังที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ




1.แบรด ฟรีเดล ตำแหน่งผู้รักษาประตู

ผู้ที่สร้างสถิติเฝ้าเสาติดต่อกันนานสุด 310 เกม ของ ศึกพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2004 ถึง เดือนตุลาคม ปี 2012 ถึงแม้จะเป็นนายทวารฝีมือดีคนหนึ่งของเกาะอังกฤษ ทว่าตลอดระยะเวลา 17 ปี กับ

  1. ฝ่ายลิเวอร์พูล
  2. ฝ่ายแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
  3. เหล่าแอสตัน วิลลา 
  4. พวกท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 

พร้อมกับด้วยอายุอานามล่วงเลยมาถึง 43 ปี ก็ยังไม่เคยสัมผัสโทรฟี ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เลย





2.เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำแหน่งกองหลัง

ภายหลังวิเคราะห์ผลบอลที่ได้สวมบทผู้แชร์ความเจ็บปวดกับ เจอร์ราร์ด คว้าแชมป์ร่วมกันมาทั้ง

  1. ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
  2. ยูฟ่า คัพ หรือไม่ก็ ยูโรป้าลีก ในปัจจุบัน 
  3. ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
  4. เอฟเอ คัพ 2 เวลา 
  5. แคปิตอล วัน คัพ 3 ระยะเวลา 
  6. คอมมูนิตี้ ชิลด์ 


ซึ่งยกเว้น พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลา 17 ปี ตัวของคาร์ร่า จัดเป็นกองหลังที่ผลงานคงเส้นคงวามากสุดๆ คนหนึ่งของวงการลูกหนัง





3.มาร์เซล เดอไซญี่ ตำแหน่งกองหลัง

เขานั้นเป็นหนึ่งในสุดยอดเซ็นเตอร์แบ็กระดับโลก รับใช้ กลุ่มเชลซี มานาน 6 ปี สัมผัสเกียรติยศสูงสุดทั้งแชมป์ ฟุตบอลโลก กับ ศึกยูโร กับ ฝ่ายชาติฝรั่งเศส แต่ว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรกับยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน คว้าแชมป์ระดับสโมสรแทบ

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ยูฟา ซูเปอร์คัพ 
  3. แชริตี ชิลด์ 


นอกเหนือจากแชมป์ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 กาลสมัย กับ หมู่โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยกัน เหล่าเอซี มิลาน






4.เลดลี่ย์ คิง ตำแหน่งกองหลัง

ซึ่งสมมุติจะเทียบความเชี่ยวชาญกันแล้ว สำหรับ คิง จัดเป็นกองหลังระดับหัวแถวของเกาะอังกฤษ แต่เจอปัญต่างว่าารบาดเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ชีวิตการค้าแข้งไม่ราบรื่นนัก เคยถูก แฮร์รี เรดแนปป์ อดีตเจ้านาย ยกย่องในฐานะนักเตะมหัศจรรย์ เพราะไม่เก่งเตะบอลเต็มแรงระหว่างการซ้อม และลงสนาม 1 เกมต่อสัปดาห์ ทว่ายังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ ฝ่ายท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พาหมู่คว้าแชมป์ ลีก คัพ ปี 2009 แทบใบเดียว ตลอดระยะเวลา 13 ปี





5.ดาวิด ชิโนล่า ตำแหน่งปีก

เขาก็เป็นกำลังสำคัญของ กลุ่มนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเคยกุมความได้เปรียบเหนือ หมู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้ม ฤดูกาล 1995-96 แต่กลับปิดซีซันพ่าย กลุ่มของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พ่าง 4 แต้ม




6.สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำแหน่งกองกลาง

ขึ้นทำเนียบนักเตะดีสุดที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ทำได้ใกล้เคียงสุดปางฤดูกาลที่แล้ว และถูกหลอกหลอนจังหวะลื่นล้ม เกมพ่าย เชลซี คาบ้าน 0-2 เป็นเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี แซงเข้าวิน ด้วยช่องว่างพาง 2 แต้ม





7.แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำแหน่งกองกลาง

เขานั้นไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือตลอด ถึงแม้โดดเด่นจากทักษะ พร้อมด้วยการซัลโวประตูสุดสวยกับ เซาแธมป์ตัน ซึ่งไม่เคยหยิบยื่นโอกาสประสบความสำเร็จรายการใดๆ เลย แต่ก็ถือเป็นกองกลางที่มีฝีเท้าฉกาจคนหนึ่งในเกาะอังกฤษ




8.เชส ฟาเบรกาส ตำแหน่งกองกลาง

ภายหลังที่ได้ลงเล่นโปรแกรมบอลเกม ลีก คัพ ฤดูกาล 2003 - 2004 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ เหล่าอาร์เซนอล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่มีชื่อติดทีมชุดใหญ่ จึงไม่ได้รับเหรียญชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าตัว มีสิทธิ์ทำสำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ เชลซี ในซีซันนี้




9.แกเร็ธ เบล ตำแหน่งปีก

หลังจากที่ได้อำลาจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยค่าตอบแทนอันเป็นสถิติสูงสุดของโลก 86 ล้านปอนด์ หรือ 4.3 พันล้านบาท แบบไม่เคยชูโทรฟี่ใดๆ บนเกาะอังกฤษเลย แต่หลังเคลื่อนไปอยู่ ทีมเรอัล มาดริด กับอาจหยิบแชมป์ 4 รายการ ภายใน 18 เดือน




10.จิอันฟรังโก้ โซล่า ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งเขานั้นเคยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา เคียงข้าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์มาแล้วเวลาค้าแข้งกับ กลุ่มนาโปลี ก่อนเขยื้อนมาอยู่ ทีมเชลซี ตราบปี 1996 แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ศูนย์หน้าร่างเล็กพากรุ๊ปคว้าแชมป์ 6 รายการ ยกเว้น ศึกพรีเมียร์ลีก





11.ร็อบบี่ ฟาวเลอร์ ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งดาวยิงสูงสุดอันดับ 6 ของ ศึกไฮไลท์พรีเมียร์ลีก จำนวน 162 ประตู เขานั้นมีสัญชาตญาณในการจบสกอร์ที่เยี่ยมยอด ด้วยกันได้พา กรุ๊ปหงส์แดง คว้าโทรฟีมากมาย ทั้ง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ลีก คัพ 2 กาลเวลา
  3. ยูฟ่า คัพ 
  4. ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 


แต่ว่าก็ไม่เคยจับถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก เลย

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ผลบอล: ครั้นเมื่อเจอร์ราร์ด กับงานวินิจฉัยใจ ที่ผันแปรชีวิต

เมื่อเจอร์ราร์ด กับการปลงใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักถ้าจักสั่งว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของหมู่ลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันฝ่ายยอดดวงใจของพวกเขานั้นจะจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับฝ่ายใดอีก เพราะเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จักอยู่กับ กลุ่มลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายด้วยกันน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น ขณะสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความแน่แท้แล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จักไปจาก กลุ่มฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ ด้วยกันเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
และ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น พวกเชลซี ที่พยายามจะเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมฝ่ายให้ได้ กับครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจทูลกับเขาว่า แม้การไปอยู่ ฝ่ายเชลซีจักทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ และแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า หมู่เดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นพ่างกัปตันคณะผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ และเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต ก็เพราะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ กลุ่มลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจะทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เละบือกที่จะทิ้งสโมสรอย่างกรุ๊ปลิเวอร์พูลไปก็เพราะว่ารู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าปฏิเสธสโมสรอย่าง ทีมบาเยิร์น มิวนิค พร้อมด้วย กรุ๊ปเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์ถัด

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันคณะนั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้พร้อมทั้งรับไว้ด้วยความเต็มใจ เพราะว่ามิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จะไม่อาจจักบรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ เพราะเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดแค่แค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม จนถึงเจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม กับ ปลงให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาพร้อมกับเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของหมู่ และการเป็นกัปตันพวก

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งศูนย์รวมใจของ ฝ่ายลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า เท่าที่วันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้พร้อมกับระยะเวลาในหนังสือสัญญา 12 เดือนที่ กรุ๊ปลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารhttp://sport.sanook.com/football/premierleague/จึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- และไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จักต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน หรือไม่ก็สมมตลงตัวจริงๆก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าแม้อยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังสมรรถเป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการปลงใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกพร้อมทั้งครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ปลงใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับและ ปล่อยวางให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินถัดข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

พร้อมทั้งการตกลงใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จะไม่ได้ลงนามในข้อสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ กับแม้จักต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ พร้อมทั้ง 34 ปีที่มอบทั้งกายพร้อมทั้งใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกพร้อมทั้งรักเดียว

แม้ต่อให้จะไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ ทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครรอบรู้ทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จะมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ ข้อตกลงใจ ที่จักกล่าวกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเช่นชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งทันทีที่ถึงเวลา เขาจะกลับมา พร้อมทั้งจักไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

พรีเมียร์ลีก: ดุจักไม่ที่ใดแล้วนะ!!! อย่างเดียวแตะขอเกี่ยวเล่าสักทีแล้วล่ะ

ต้องพูดถึงแล้วนะเพราะว่า ภาษาอังกฤษสำเนียงเมียเช่า?




ซึ่งในหลาย ๆ วันที่สร้างผ่านมา ท่ามกลางกระแสวิเคราะห์บอลไทย ที่กลบทุกกระแสข่าว บนโลกออนไลน์ เสียงชื่นชม พร้อมด้วยร่วมกันอิ่มเอิมกับสิ่งที่เรียกว่า ความสุข ของชาวไทย คือความรู้สึกที่เราช่วยกันแชร์ต่อถึงห้วงเวลาที่แสนดีครั้งนี้

แต่ว่าส่วนตัวผม ก็เชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกว่า ตลอดสัปดาห์ที่สร้างผ่านมา มีมนุษย์อยู่หนึ่งคน ที่ทำให้ความรู้สึกของกองสนับสนุน ที่กลับมารักพร้อมกับศรัทธาในเกมลูกหนังตั้งคำถามว่า ผู้ชายคนนี้ มันต้องการอะไรจากสังคม

ถูกต้องแล้วครับ ผมกำลังพูดถึงการโพสข้อความข้ามเฟซบุคส่วนตัวของอาจารย์จากมหาลัยดัง ที่ถูกแย้มแพร่และแชร์ถัดในวงกว้าง ถึงแนวคิดอันสุดโต่ง กับกีฬาฟุตบอล

โดยที่ผมรายงานตรงนี้เลยนะครับ ตลอดสัปดาห์ที่ลอดมา แม้อาจจักเห็นข้อความของอาจารย์ท่านนี้ ทะลุทะลวงการแชร์อย่างมากมาย แต่ผมก็คิดว่ามันก็เป็นแค่พวกมุ่งหมายทวนกระแส พร้อมกับอยู่แค่กลุ่มเล็กๆ เผลอๆ รู้สึกไปคนเดียวด้วยซ้ำ

แต่ว่าหลายๆ คนคงอาจมีคำถามอยู่บ้างว่า ทำไม ข่าวคนนี้ถึงไม่อยู่ใน บนข่าวกีฬาผลบอลของเว็บ Sanook.com เลย

ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะ ผมเองและพี่ๆ ในฝ่ายงาน มองเป็นทำนองเดียวกันว่า เราไม่ควรที่จะให้ค่า กับสิ่งที่เขาพูด

แต่ในทันทีที่โพสขบวนล่าสุด ของมนุษย์ผู้ถูกคนตามจวกกว่าค่อนประเทศ โพสตำหนิ การให้สัมภาษณ์ของ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ว่า พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแบบเมียเช่าฝรั่งพัทยา




แค่แว๊บแรกที่ผมเห็น รายงานตามตรงว่า จุกในลำคอ พร้อมกับในสมองคิดอย่างเบาๆว่า ไอ้...มันต้องการอะไร (เว้นช่องให้เติมกันเองแล้วแต่สะดวกครับ)

และเฟซบุ๊คคือพื้นที่ส่วนตัว ใครก็ไม่ชอบใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องเข้ามาดูเข้ามาอ่าน อันนี้ผมไม่เถียงซักแอะ

พ่างแต่ว่า ไอ้ประโยคที่ พูดในทำนองเหยียดหยาม และกดคนอื่นว่าต่ำกว่าตน แบบนี้มันสมควรแล้วหรือที่จะโผล่ออกมาจากบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น ครูบาอาจารย์

เพราะว่าที่ โค้ชซิโก้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อพูดภาษาอังกฤษให้สำเนียงเหมือนต้นแบบ เขาเกิดพร้อมทั้งโตมากับฟุตบอล เส้นทางเกินกว่าครึ่งชีวิตเขาก็มาจาก ฟุตบอล

แต่ว่าภาษาอังกฤษ ที่เขาต้องพูด ก็เพราะว่าต้องการสื่อสารให้เข้าใจกับ ผู้สื่อข่าวต่างชาติที่ยิงคำถามต่างๆนานา มันก็เท่านั้น

ก็อย่าลืมว่า การเข้ามารับงานโค้ช และพาทีมชาติไทย ก้าวขึ้นไปหยิบแชมป์อาเซียน มันคือสิ่งที่หลายคนในประเทศนี้ไม่มีโอกาสได้ทำ พร้อมทั้งสมมติว่าได้ทำก็ไม่รู้จักทำได้เยี่ยงเขาไม่ก็เปล่า

ซึ่งการเริ่มต้นวิ่งชนกับความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ การที่เขาได้เข้ามายืนในตำแหน่งแห่งความหวัง ที่คนไทยต่างเฝ้ารอความฝันอันสูงสุด มันคือยุคโหมโรงต้น

โดยที่นักเตะอายุน้อย พร้อมกับโค้ชอายุน้อย กำลังจักร่วมกันสร้างกรุ๊ปแห่งอนาคต อย่าให้คนปางคนเดียวเข้ามาทำให้ พวกเขาห่อเหี่ยวหัวใจเลยครับ

กับถ้าถ้าหากอาจารย์ท่านนี้ ที่พกดีกรีนู่นนี่นั่น คุณวิจารณ์ในศาสตร์และวิชาที่คุณถนัด อันนี้ใครจะว่าคุณได้ ตามสบายเลยลูกเพ่

แทบแต่ที่แจ้งให้ทราบว่า

  • ชัปปุยส์ติดพวกชาติเพราะว่าหล่ออย่างเดียว
  • ซิโก้ไม่ควรเป็นโค้ชเพราะอายุน้อย 


ซึ่งมันชัดว่ามันอื้นว่าคุณ ดูบอลเป็นเหรอไม่เป็นกันแน่

ในส่วนลูกสมุนของมนุษย์ท่านนี้ ก็เข้ามาเห็นด้วยครับอาจารย์ และ ร่วมกันสรรเสริญว่าถูกต้องครับอาจารย์ ผมละ สะอิดสะเอียนจนตะกลามจักสำรอกออกมา





ด้วยเหตุพร้อมด้วยผลคือสิ่งที่ไม่มีวันตาย ชัปปุยส์ ถ้าตัดความหล่อออกไป เขาก็ยังคู่ควรกับโปรแกรมบอลทีมชาติไทยอยู่ดี ถามว่ามันผิดด้วยเหรอ ที่ดันทะลึ่งเกิดมาหน้าตาหล่อ

ในส่วนแนวคิดว่า โค้ชที่ดีพร้อมทั้งจะประสบความสำเร็จต้องอายุ 50 ปีขึ้นไป คำตอบมีให้เห็นแน่นอนอยู่ทั่วโลก ว่าอาจารย์ท่านนี้พูดมามันใช่เหรอ

เพราะที่รูปแบบพร้อมด้วยแนวทางการดำเนินชีวิตของ โค้ชซิโก้ ที่พร้อมจะเป็นแบบอย่าง ให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม กำลังถูกว่าร้ายแบบไร้ซึ่ง เหตุผล

ถึงแม้จะเป็นในวงแคบๆ ของคนจิตใจแคบกับตีบตัน ผมว่ามันไม่สมควร อันนี้ใครจะเห็นต่างก็ไม่ว่ากันครับ

ก็เอาเป็นว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วมีความสุข ก็ขอให้โชคดีนะอาจารย์ ผมคนหนึ่งละที่มองตรงกันข้ามกับอาจารย์ทุกอย่างที่อาจารย์ว่ามา เฉพาะเรื่องฟุตบอลนะครับ

พร้อมทั้งผมคงไม่ผิดใช่มั้ยที่จะปริปากว่า คุณก็มีดีในศาสตร์ของคุณ ผมเองก็มีดีในศาสตร์ของผมเช่นกัน

เท่าแต่ว่าลูกผู้ชายอย่างผมก็ ไม่เคยแม้จักเอื้อนเอ่ย ไม่ใช่หรือวิจารณ์ ในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดเลยสักนิด

วิเคราะห์บอลวันนี้ทุกคู่  เพราะว่า บ.ส้มซิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

โปรแกรมบอล:คณะเรอัลมาดริด ถูกซื้อขาย เบลไม่ก็ไม่?

คณะเรอัลมาดริด ควรขาย เบลใช่ไหมไม่?




แฟนบอลวิเคราะห์ผลบอลกว่า 3 หมื่นกว่าคน ที่เยี่ยมชม เว็บไซต์อาส สื่อกีฬาชื่อดังของประเทศสเปน เพราะในหัวข้อที่เปิดให้รวมโหวตว่า แกเร็ธ เบล สมควรอยู่ราชันชุดขาวต่อหรือไม่ก็ไม่นั้น มีถึง 53 เปอร์เซ็นต์ ที่เห็นด้วย

เพราะว่าสืบเนื่องมาจากที่มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่าง เหล่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมีแผนจักใช้งบกะสูงถึง 120 ล้านปอนด์ เหรอถ้าเทียบเป็นเงินยูโร ก็แค่ 150 ล้าน เท่านั้นเอง ในการดึงปีกชาวเวลส์ มาร่วมหมู่

พร้อมทั้งจนกระทั่งไปสัมภาษณ์กับ หลุยส์ ฟาน ฮัล กุนซือชาวดัตช์ของ คณะผีแดง ก็ปรากฏว่าเจ้าตัวก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม เขาหนีไปพึ่ง ซีอีโอของหมู่ว่า เขาอยากได้จะคุยเรื่องนี้เฉพาะกับผู้บริหารของเหล่าเท่านั้น ไม่ใช่สื่อมวลชนใดๆ ทั้งสิ้น

ด้วยกันสมมุติ กรุ๊ปผีแดงยื่นเงินมหาศาลจำนวนเงินขนาดนั้นเข้ามาสุทธิๆ นั่นเท่ากับว่า จักทำลายทุกสถิติ รวมถึงสถิติ ของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เพื่อนร่วมกรุ๊ป พร้อมกับ สถิติของตัวเอง ทั้งหมดอีกต่างถ้า




ซึ่งถึงแม้ว่าจำนวนเงินดังกล่าว จะยังไม่ได้ถูกยื่นเข้ามานักๆ จังๆ ตามข่าว แต่ทว่าแฟนบอลที่ติดตามฟุตบอลสเปน ในเว็บไซต์กีฬาอาส เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ทะเยอทะยานได้เงิน 150 ล้านยูโร มากกว่า แกเร็ธ เบล เสียแล้ว

ด้วยกันถ้าเอาเข้าแน่ๆตารางบอล จำนวนนี้ก็มากพอที่ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ จะเนรมิตรอะไรในกลุ่มใหม่ก็ได้ รวมถึงชื่อสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาบิว ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนชื่อไปตามสปอนเซอร์อภิมหาเศรษฐี เจ้าของกลุ่มทุนปิโตรเลียมจากตะวันออกกลาง ก็อาจจักต้องแหวกประเพณีไปใช้ชื่ออื่น

เพราะว่าที่เป็นไปได้ว่าแฟนบอลที่เห็นด้วย ประสงค์ได้เงินมารักษาประเพณีของลาลีกา กับ ความมั่นคงของสโมสรพวกฟุตบอลในสเปนมากกว่า จักรั้งซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งไว้

หรือว่านั่นอาจเป็นแฟนบอลทีมอื่นๆ ที่ประสงค์จะให้ เบล ไปจาก กรุ๊ปเรอัล มาดริด นั่นแปลว่า เขาใคร่ได้จะให้ พวกราชันชุดขาว เหโจษจันแค่ โรนัลโด้ ทางฝั่งซ้ายเท่านั้น จะทำให้กองหลังพวกอื่นๆ งานเบาขึ้นบานตะไท




แต่นั่นก็จักมีเบล หรือไม่ ไม่มีเบล เพราะกลุ่มเรอัล มาดริด ก็เคยเอาตัวรอดมาได้แล้ว ในช่วงที่ปีกพญาวานรบาดเจ็บ ในนัดที่ไปเยือนอัลเมเรีย รวมถึงนัดที่เปิดบ้าน กลับมาชนะ กรุ๊ปบาร์เซโลน่า 3-1 ครั้งปลายเดือนตุลาคมที่ทะลุทะลวงมา

เพราะว่าที่นักเตะอย่าง อิสโก้ กับ ฮาเมส โรดริเกซ ก็ศักยเล่นเป็นตัวในก็ได้ หรือว่าริมเส้นก็ดี คาร์โล อันเชล็อตติ ใช้สองคนนี้ เล่นแทนได้อย่างไม่เขอะเขิน แม้คุณภาพความเร็ว จะเป็นรอง แกเร็ธ เบล พอสมควร

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้ง อิสโก้ พร้อมทั้ง ฮาเมส มีประโยชน์กับเกมแถวๆ ตรงกลางมากกว่า ที่จะให้ไปกระชากพร้อมด้วยวิ่งที่ริมเส้น เพราะคราใดที่ ลูก้า โมดริช เจ็บ สองคนนี้รักษาสมดุลตรงกลางสนามได้อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ถ้าต้องมีคนใดคนหนึ่งมาแทนเบลแบบตายตัวแล้ว ตรงกลางสนามจักกำกับเกมกันไม่ได้อย่างที่เป็นทุกวันนี้

ในบางครั้งที่ ตัวของเบนเซม่า นั้นบาดเจ็บ ส่วนฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เฮอร์นานเดซ อาจจะเล่นไม่ได้มาตรฐานกับเฟรนช์แมน แกเร็ธ เบล ยังทำได้ไปเล่นหน้าเป้าได้ด้วยซ้ำ เหมือนที่ทำกับกลุ่มชาติเวลส์




ซึ่งสมมติ กลุ่มเรอัล มาดริด นั้นหมายจักขายนักเตะเพื่อจำนวนเงินมหาศาลแท้จริงๆ นักเตะที่พวกเขาไม่ใช้ อย่าง

  • คาเซมิโร่
  • อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้ 

นั้นควรจะอยู่ในบัญชีนี้มากกว่าอีก อย่างน้อยๆ สองคนนี้ ต้องเข้ากระเป๋าสัก 30 ล้านยูโร

ด้วยกันเหตุด้วยฟาบิโอ โคเอ็นเทรา พร้อมกับ ราฟาเอล วาราน ก็เนื้อหอมใช่ย่อย ทำได้เรียกมูลค่าได้สูงๆ จากสองแข้งแนวรับนี้แน่นอน

หลังจากที่ตัวผมเกริ่นมาทั้งหมด ในการยอมขายพวกตัวรับ มากกว่าที่จักให้ เบล ออกจาก เหล่าเรอัล มาดริดไปจริงๆ คงหนีไม่พ้นเกมรุกที่เอ็นเตอร์เทนแฟนบอลได้อย่างดีของพวกเขา

เพราะที่แกเร็ธ เบล ได้ลงพร้อม กับ ตัวโรนัลโด้, กับฮาเมส พร้อมทั้ง อิสโก้ เห็นๆ กันอยู่ว่าโคตรหลากหลาย เกมรับจะเป็นยังไงผมไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าฟุตบอลแม้จักเสียประตูบ้าง ผมมองว่ามันเป็นสีสัน

ในการทำประตูเป็นจุดขายของ ลาลีกา มานานแล้ว กว่า 1045 ประตูในซีซั่น 2013-2014 เป็นรอง พรีเมียร์ลีก แค่แค่ 7 ประตูเท่านั้นในซีซั่นเดียวกัน




ก็เพราะว่าฉะนั้นนี่คือลีกฟุตบอล ที่เน้นเกมรุกที่เร้าใจ ไม่ว่ากลุ่มเล็กๆ อย่าง พวกเออิบาร์ พร้อมกับหมู่ดาวรุ่งอย่าง กรุ๊ปบีญาร์เรอัล พวกเขาก็ไม่เคยคิดจักเล่นรับกันเลยแม้เจอกับกรุ๊ปใหญ่ ทำให้ผมชอบนักเตะเกมรุก มากกว่าเกมรับเป็นแน่แท้

แล้วเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของ เหล่าเรอัล มาดริด มีคลาสกลุ่มที่ไม่เป็นรองใครในโลก สมมติมีฝ่ายใดจักมาซื้อนักเตะที่พวกเขาใช้งานอยู่ไป นั่นหมายความว่าต้องเป็นพวกที่ดีกว่า เหล่าเรอัล มาดริด เท่านั้นหรือเปล่า

นั่นมันเหมือนหยามหน้า ยอดกรุ๊ปเบอร์หนึ่งของโลกเวลานี้ชัดๆ

พร้อมด้วยสมมตผมเป็นประธาน เหล่าเรอัล มาดริด แล้วมีข้อเสนอยื่นมาจริง 200 ล้านปอนด์ผมก็ไม่ขาย แล้วทำให้เป็นข่าวออกสื่อด้วย นอกจากจะได้ใจแฟนบอลที่ตามสนับสนุนเรอัล เพราะว่าซูเปอร์สตาร์แล้ว

ทั้งยังเพิ่มระดับความไฮเอนด์ให้กับกลุ่มเป็นทวีคูณ เพราะว่านี่คือ คณะเรอัล มาดริด ชุดสีขาว ที่นักบอลทะเยอทะยานใส่กันนักกันหนายังไงเล่า

Palm